พิธีตั้งเสาเอกอาคารหลังใหม่อนุบาล ๙.๙.๒๕๖๗

พิธีตั้งเสาเอก ๙.๙.๒๕๖๗ อาคารอนุบาลหลังใหม่ ขอนำธรรมะจาก

พระราชวัชรธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวชุมชนเพลินพัฒนา และเป็นหลักยึดในการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ุน้อยๆ ให้งอกงามสมบูรณ์

วันที่ 9 พฤษภาคม 2546 เป็นวันทึ่วางอิฐก้อนแรก จากวันนั้นได้กลายเป็นความเจริญก้าวหน้า ดังที่หลวงพ่อปัญญาได้มอบไว้ว่า “รากฐานของตึกคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือศีลธรรม” เราได้ดูแลรักษาผู้ที่มาอาศัยให้มีความเจริญก้าวหน้า ทำให้ได้เป็นอะไรอย่างที่อยากจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไว้ใจพวกเรา พวกเราที่มาเป็นผู้ดูแลโรงเรียนเพลินพัฒนาโดยมีกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนในที่นี้ ท่านจงภูมิใจว่าได้อาศัยความเสียสละของท่านจนเด็กๆได้เข้ามาพึ่งท่าน และท่านก็จงภูมิใจว่าท่านก็ได้พึ่งเด็กๆ ตำแหน่งต่างๆนี้ถ้าท่านไม่มีเด็กๆ ท่านจะไม่มีสิทธิ์ในตำแหน่งนี้


การสร้างอาคารโรงเรียนเพลินพัฒนาคือการสร้างอนุสาวรีย์ ขอให้ทุกคนตระหนักให้ความคิด ความประพฤติเป็นสิ่งสำคัญ ความประพฤติต้องย้อนไปหาพระพุทธเจ้า ย้อนไปหาสาวกของพระพุทธเจ้า ย้อนไปหาบรรพบุรุษเราที่มีความประพฤติดี เช่นเล่นกีฬาแพ้ชนะก็ยกมือไหว้ ซึ่งนี่คือลักษณะของคนไทย อย่าหลงเพลินไปว่า แล้วแต่เสรีอย่างไรก็ว่าไป เสรีเราก็ให้ แต่การที่เราสร้างเขาให้เป็นคนที่รู้จักชาติ เราเกิดมาบนแผ่นดินนี้ ก็รักษาไว้ให้ดี ความคิดต้องล้ำยุค ความคิดที่มาเพิ่มสติปัญญาให้กับเรา อย่านิ่งดูดาย เติมเข้าไปในเด็กเติมเข้าไปในเรา อย่าให้เห็นว่าเราคือผู้คล้อยตามเท่านั้น แต่ตามด้วยความคิดที่ล้ำยุค

เราคือต้นแบบที่จะขยายวิธีคิดสู่สังคม เราอย่าให้สังคมนี้เป็นสังคมที่ถูกย้อมทาด้วยหลักโฆษณา ประชาสัมพันธ์ แต่ย้อมทาให้เขาได้เข้าใจชีวิตจริงๆ วันนี้อนุสาวรีย์ได้ให้ไว้แล้ว ขอให้นำไปขยายผล มาในปีนี้น่าจะเขียนไว้ตรงไหนก็ได้ “โรงเรียนนี้คือสถานที่สร้างชาติโดยผ่านเด็ก” เราจะสร้างชาติโดยผ่านเด็ก เราจะไม่ทำร้ายเด็ก เราจะเติมสิ่งที่งดงามให้เด็ก พระพุทธเจ้าให้ ๒ เรื่องเป็นหลัก


๑. สวดมนต์บูชา พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ให้ได้ ถ้าหากสวดได้ เด็กจะอ่านหนังสือออก เขียนหนังสือได้ เด็กที่ไปเกิดในอเมริกา พ่อแม่ป้อนสิ่งที่เป็นชีวิตเขาคือการสวดมนต์ กลับมาบ้านพูดภาษาไทยได้ อ่านหนังสือไทยออก

เราอย่าให้ลูกหลานเราไปรับใช้คนทั้งโลกโดยลืมรับใช้แผ่นดินไทย “วิชชาจรณสัมปันโน” เราจะต้องมุ่งมั่นสร้างคนให้มีความคิดล้ำยุค วิชาที่เกิดขึ้นคัดกรองแล้วว่าเข้าไปอยู่ในคนแล้วคนไม่เสียคน ไม่ใช่ว่าอยู่โรงเรียนนี้แล้วต้องการภาษาไทย แต่ต้องไปเข้าคอร์สเรียนกันใหม่ เราจะต้องทำให้แข็งแรงในหลากหลายภาษา เด็กเขาพร้อมที่จะรับ สิ่งที่เรียกว่าเป็นความรู้มาสู่การพัฒนาชีวิต แต่อย่าลืมพื้นฐานของชีวิตคือภาษาไทย เรายังเป็นเอกภาพอยู่ขณะนี้ คือเรามีภาษาของเราเอง เรา มีตัวเลขเป็นของเราเอง

ความสมบูรณ์ในจิตในชีวิตมีการผ่อนคลายได้หลายทาง ดนตรีก็ได้ ร้องเพลงก็ได้ การออกกำลังกายกีฬาก็ได้ ไม่ใช่การปักหลักทางเดียวไม่เกี่ยวเรื่องอื่น

๒. จรณะ (ความประพฤติ) มาโรงเรียนนี้กลับบ้านต้องรู้จักพ่อแม่ เราต้องช่วยกันให้ความคิดล้ำยุค การแต่งเนื้อแต่งตัวอย่านึกว่าการเปิดเสรี จนไม่มีรูปแบบ เราควรต้องรักษาให้เขารักรูปแบบ อาภรณ์กายยังไม่ประเสริฐเท่าอาภรณ์วาจา เด็กของเราต้องมีคำว่าอายเมื่อพูดหยาบ

เด็กทำงานบ้านเป็น เก็บที่นอนเองเป็นไหม เด็กถูพื้นเป็นไหม หุงข้าวเป็น ปลูกต้นไม้เป็นไหม กวาดพื้นเป็นไหม คือคะแนนเพื่อชีวิตต้องให้เขาไป โรงเรียนนี้ต้องสอนความประพฤติไปถึงบ้าน

รู้จักกราบ รู้จักไหว้ อะไรที่เอื้อได้เรื่องของมารยาทและวัฒนธรรมขอให้ทำไป วิชามารยาทและวัฒนธรรมทำครั้งเดียวได้ตลอดชีวิต นอกจากมารยาททางกายแล้วยังต้องฝึกจิตใจ อย่างน้อยให้เด็กนั่งให้นิ่ง เก็บกาย วาจา ใจสัก ๑ นาที แล้วท่านจะรู้สึกว่าเด็กสอนง่าย เด็กรู้จัก ควบคุมตัวเอง

ขอฝากว่า เราจะสร้างชาติโดยผ่านเด็ก ขอให้เด็กของเราจงเป็นคนดีของชาติ